+ 'หูฟังไร้สาย ราคาไม่เกิน 3,000 บาท' ยี่ห้อไหนดี 2021 มีรีวิว 10 ยี่ห้อ +

By สุโสภาภรณ์ แดงอุบล

ยุคนี้หันไปทางไหนก็เจอแต่คนใช้หูฟังไร้สายกันนะครับ เพราะด้วยความสะดวกสบายแบบสุด ๆ ไม่มีสายให้รกรุงรังแต่อย่างใด จะออกกำลังกาย หรือยกเวท ก็สามารถเพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงได้โดยไม่ต้องกังวลกับสายหูฟังอีกเลย และเมื่อพูดถึงเรื่องคุณภาพเสียง ก็แทบจะไม่ด้อยไปกว่าหูฟังแบบมีสายแล้ว อีกทั้งหูฟังไร้สาย True Wireless หลายรุ่น ก็ถูกพัฒนาให้เก็บชาร์จในกล่องเคสได้ จึงใช้งานได้นานและสะดวกมากขึ้นแบบสุด ๆ แต่ถ้าพูดช่วงราคา เจ้าหูฟังเหล่านี้ ก็มีกันหลายช่วงมาก ๆ ตั้งแต่พวกรุ่น Top ๆ ระดับหลายพัน หลายหมื่นบาท ไปจนถึงพวกถูก ๆ ระดับหลักร้อยก็มี แต่วันนี้ จะมาขอรีวิว “หูฟังไร้สาย ราคาไม่เกิน 3,000 บาท” ยี่ห้อไหนดี ให้ได้ทราบกันครับ จะมียี่ห้อไหนน่าสนใจกันบ้างนั้น ก็ตามมาเลย

– แบบ Earbuds (หูฟังรุ่นเก่า) เน้นใส่สบายทำให้ใช้งานได้ยาวนาน และก็ยังคงได้ยินเสียงรอบข้าง ตัวหูฟังหลุดหล่นได้ง่าย

– แบบ In-Ear (จุกยาง) ให้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุด แต่ต้องสอดเข้าไปในหู ทำให้เวลาใช้นาน ๆ อาจจะไม่ค่อยสบายหู ป้องกันเสียงรอบข้างได้ดี โอกาสหลุดหล่นน้อยลง

– แบบ Bone Conduction (เกาะหู) เป็นหูฟังที่ส่งสัญญาณเสียงด้วยการสั่นสะเทือน ไปยังกระดูกข้างใบหน้าหรือแก้มของเรา ไม่ได้ผ่านแก้วหูเหมือนหูฟังแบบอื่น ๆ ตัวหูฟังถูกดีไซน์ให้คาดไว้ข้างหู ทำให้เราสามารถได้ยินเสียงรอบข้างอย่างชัดเจนเหมือนไม่ได้ใส่หูฟัง เหมาะสำหรับการออกกำลังกายบางประเภทเช่น การวิ่ง โดยเฉพาะการวิ่งบนถนนที่มักมีรถขับผ่านไปมา ช่วยให้หลีกเลี่ยงอุบัติเหตุได้ดียิ่งขึ้น

มาตรฐาน IP จะมีตัวเลข 2 ตัวต่อท้าย โดยตัวแรก(เลขด้านซ้าย) จะบ่งบอกความสามารถในการกันฝุ่น โดยมีค่าสูงสุดจะอยู่ที่ระดับ 6 ส่วนตัวเลขที่สอง(เลขด้านขวา) จะบ่งบอกความสามารถในการกันน้ำ โดยมีค่าสูงสุดจะอยู่ที่ระดับ 9K หูฟังไร้สายอย่าง Jabee Firefly 2 Touch มีความสามารถกันน้ำ IPX7 สามารถกันน้ำระดับ 7 สังเกตว่าตัวเลขที่บอกความสามารถในการกันฝุ่นกลายเป็นตัว X ซึ่งจะหมายความว่า ไม่ได้ส่งทดสอบการกันฝุ่น ส่วนใครอยากอ่านรายละเอียดเรื่องมาตรฐานการกันฝุ่น-กันน้ำก็คลิก Link ได้เลยครับ

ถ้าโจทย์ในการใช้งานของคุณคือการเล่นเกม เราขอให้เลือกรุ่นที่ได้รับคำชมว่าดีเลย์น้อย หรือมีโหมดเกมมิ่งมาด้วยจะช่วยให้การเล่นเกมมีอรรถรสมากยิ่งขึ้น เสียงไม่หน่วงหรือดีเดย์ให้อารมณ์เสีย แต่ถ้าเน้นการคุย ลองเลือกรุ่นที่ได้รับคำวิจารณ์ที่ดีในเรื่องของไมค์ด้วย หลาย ๆ รุ่นที่ราคา 2000-3000 บาท ก็มีไมค์ตัดเสียงมาให้ด้วย ทำให้คุณภาพเสียงเวลาคุยจริง ๆ นั้นไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน ส่วนรุ่นอื่นที่ราคาถูกมาก ๆ อาจจะต้องเช็คนิดหนึ่ง นอกจากนี้ก็ลองดูสเปคแบตเตอรี่ว่าเพียงพอต่อการใช้งานหรือไม่ ถ้าเบื่อการชาร์จบ่อย ๆ ก็แนะนำให้เลือกรุ่นที่กล่องเคสสามารถชาร์จหูฟังได้หลายรอบเลยครับ (ดูเวลาชาร์จเคส)

อยากดูข้อมูลของสินค้าแต่ละยี่ห้อแบบสรุป ๆ อ่านง่าย วางเรียงเปรียบเทียบสเปค ทั้งลักษณะหูฟัง, ไมค์ตัดเสียงรบกวน, ความสามารถในการกันน้ำ, แบตเตอรี่, ราคา และอื่น ๆ เพื่อช่วยให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น แนะนำให้กดเข้าไปที่ปุ่มสีแดงด้านล่างได้เลยครับ

Jabra Elite active 65t เป็นหูฟังไร้สายที่มีขนาดเล็กกะทัดรัดและน้ำหนักเบา ตัวหูฟังเอง ก็ออกแบบมาให้สวมใส่ได้ง่าย สบายหู ไม่หลุดแม้จะมีการเคลื่อนไหว เช่น การออกกำลังกายหรือการกระโดดอีกด้วย และยังมาพร้อมกับระดับการกันน้ำที่ IP56 ซึ่งสามารถกันละอองน้ำ เหงื่อ รวมถึงฝุ่นได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ก็มีฟังก์ชั่นที่โดดเด่นกว่าหูฟังไร้สายอื่นๆ คือ ระบบ ‘HereThrough’ ซึ่งเป็นระบบที่จะดึงเสียงบรรยากาศรอบ ๆ ให้เข้ามาที่หูฟัง ทำให้รับรู้ได้ถึงสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นใกล้เคียง เช่น คนปั่นจักรยานข้าง ๆ เป็นต้น ก็ช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้ดี ทำให้เหมาะกับการใช้งาน outdoor มากๆ ครับ

ส่วนเรื่องการเชื่อมต่อ ก็ไม่ต้องเป็นกังวลด้วย Bluetooth เวอร์ชั่น 5.0 ที่สามารถเชื่อมต่อหูฟังจากระยะไกลได้อย่างมีประสิทธิภาพ สัญญาณก็ไม่หลุด แม้มีสิ่งรบกวน (แต่ไกลมากก็ไม่ไหวเน้อ) อีกทั้งยังมีเคสสำหรับพกพาสีดำที่เอาไว้ชาร์จแบตได้ไปในตัว ก็ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานไม่มีติดขัดอีกด้วย นอกจากนี้ จุดเด่นของตัว Jabra Elite active 65t คือเสียงร้องที่โปร่ง ชัด ฟังสบาย เน้นไปทางสมดุลให้ผู้ฟังรู้สึกผ่อนคลาย ไม่อึดอัดจนเกินไป รวมถึงมีเวทีเสียงที่กว้าง ชิ้นดนตรีแยกกันชัดเจน แนวเพลงที่เหมาะก็จะเป็นพวกแนว Pop, Rock, Future base ก็ถ้ามีงบสักประมาณ 3,000-4,000 ละก็ อยากแนะนำให้ลองใช้หูฟังไร้สายตัวนี้ จริง ๆ ครับ

มาต่อกันที่หูฟังไร้สาย ราคาไม่เกิน 2,000 บาท ที่ทำดีไซน์ออกมาได้อย่างสวยงาม เหมาะแก่การพกติดตัวไปใช้ในชีวิตประจำวัน นั่นก็คือ หูฟัง 1MORE Comfobuds ESS3001T ที่จะมีสีขาวและสีดำให้เลือกซื้อกันด้วย โดยตัวหูฟังจะเป็นแบบ Earbud ที่มีน้ำหนักเบา จึงสวมใส่ได้อย่างสบาย ๆ ส่วนเรื่องการกันน้ำ ก็ทำได้ถึงระดับ IPX5 ซึ่งกันน้ำกันเหงื่อสำหรับการออกกำลังกายได้ดี (แต่ว่ายน้ำไม่ได้นะ) นอกจากนี้ การเชื่อมต่อระหว่างหูฟังกับมือถือก็ทำได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ด้วยเทคโนโลยี bluetooth 5.0 ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างไม่มีสะดุด เท่านั้นยังไม่พอ ยังสามารถใช้งานร่วมกับแอป 1More เพื่อปรับแต่งค่าเสียงต่างๆ ได้อีกด้วยครับ

ส่วนเรื่องคุณภาพเสียง ก็ไม่ต้องห่วงเลยครับ เพราะการันตีด้วยรางวัลด้านคุณภาพเสียงระดับนานาชาติกว่า 34 รางวัล ซึ่งตัวหูฟัง Comfobuds นี้ จะให้เสียงร้องที่คมชัด และไดนามิกของเสียงดนตรีกว้าง ทำให้ไม่อึดอัดเวลาฟัง อีกทั้งยังได้เสียงที่เป็นธรรมชาติ ชัดในทุกมิติ สามารถฟังเพลงได้ทุกจังหวะและทุกแนวเลย ส่วนไมโครโฟนจะเป็นแบบ ENC Quad (environmental NOISE cancellation) ที่สามารถตัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ ก็ทำให้การสื่อสารต่าง ๆ เป็นไปได้อย่างราบรื่น ไม่มีสะดุดเท่าไรนัก ก็สำหรับใครที่มีงบประมาณ 2,000 บาท แล้วอยากได้หูฟังไร้สายดีไซน์สวยๆ เสียงดนตรีเพราะๆ มีเคสชาร์จแบตพกพาสะดวก ลอง 1MORE ดูสิครับ

ถ้าพูดถึงหูฟังไร้สายยี่ห้อ AUKEY ชื่ออาจจะไม่คุ้นหูในวงการหูฟังประเทศไทยสักเท่าไรนัก แต่ถ้าในวงการพาวเวอร์แบงค์แล้วละก็ AUKEY เขามีชื่อเสียงระดับโลกเลยครับ โดยตัวหูฟัง AUKEY รุ่น EP-T25 จะทำออกมาให้เป็นแบบ in-ear ที่สวมใส่สบาย ไม่คับหรือไม่หลวมจนเกินไป และด้วยดีไซน์ที่เล็กกะทัดรัด ก็ทำให้พกพาไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวก ไม่กินพื้นที่ทั้งในกระเป๋ากางเกงหรือกระเป๋าใส่ของเท่าไรนัก และที่สำคัญเรื่องด้านเสียง จะให้เสียงเบสที่หนาเป็นลูก พร้อมด้วยเสียงแหลมที่แหลมชัด ไม่เสียดหูผู้ฟัง มีเสียงร้องที่เคลียร์และใสกริ้งเหมาะกับการฟังเพลง Pop หรือเพลงที่มีจังหวะสนุก ๆ ได้ดีมากครับ

ส่วนทางด้านการเชื่อมต่อ ก็จะใช้ระบบ Bluetooth 5.0 ซึ่งต่อได้เร็วและเสถียร ทำให้เพื่อน ๆ ไม่ต้องหงุดหงิดเวลาเชื่อมต่อ เปิดหูฟังปุ๊ป ก็ฟังเพลงต่อได้อย่างไหลลื่น อีกทั้งตัวหูฟังไร้สาย ก็ได้ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายสำหรับการทัชและการแตะต่าง ๆ โดยสามารถแตะที่ตัวหูฟังเพื่อเล่น หรือเพื่อหยุดได้ด้วย ส่วนด้านการคุยหรือโทรจะทำได้ดีในระดับหนึ่ง เพราะต้องพูดเสียงให้ดังเพิ่มขึ้น เพื่อป้องกันระบบตัดเสียงรบกวนทำงาน ถ้าพูดในระดับธรรมดา ๆ หรือเบา ๆ ตัวหูฟังจะชอบคิดว่า เสียงที่เราพูดเป็นเสียงรบกวนนั้นเอง แต่ถ้าไม่คิดมากด้านนี้ และชอบหูฟังเสียงใส ๆ เคลียร์ ๆ กับมีราคาที่ย่อมเยาแล้วละก็ AUKEY EP-T25 ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจมากครับ

หูฟังไร้สาย Lypertek Tevi เป็นหูฟังที่ผมคิดว่า เรียบง่ายและดูดีมาก ๆ เลยครับ เพราะในส่วนของตัวหูฟังและเคส ก็ทำออกมาได้อย่างสวยงาม ซึ่งตัวหูฟังจะเป็นแบบ in-ear ที่ใช้วัสดุพลาสติกสีงาช้างหรือสีดำกันลื่นอย่างดี ให้ความรู้สึกที่สวยและพรีเมี่ยมมาก ๆ อีกทั้งตัวเคสก็ใช้วัสดุเป็นผิวผ้า ทำให้ดูน่าใช้ และให้สัมผัสที่นุ่มกระชับอีกด้วย เท่านั้นยังไม่พอ ยังสามารถชาร์จแบตได้อย่างยาวนานมากกก โดยการชาร์จแบตเต็มที่ 1 ครั้ง จะสามารถใช้งานรวมกันได้ถึง 70 ชั่วโมง! (นานมาก) ตัดปัญหาชาร์จแบตบ่อย ๆ ได้เลยครับ

ส่วนทางด้านเสียงก็ไม่น้อยหน้า โดยเสียงที่ได้นั้นมาเต็มในทุก ๆ ย่าน เสียงชัดใส เบสแน่นเป็นลูก เสียงชิ้นดนตรีสามารถแยกกับเสียงนักร้องได้อย่างน่าทึ่งเลยทีเดียว แต่อาจจะมีดีเลย์เวลาฟังเพลงหรือวิดีโอจาก youtube หรือ netflix กันนิดนึง แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาที่มากมายอะไรนัก นอกจากนี้ ตัวหูฟังไร้สายก็มีระดับการกันน้ำกันฝุ่นที่ IPX7 ทำให้สามารถใส่ออกกำลังกายหรือกิจกรรมกลางแจ้งได้อย่างสบาย ๆ และการใช้งานก็ง่าย เพียงแค่แตะเพื่อเริ่ม หรือเพื่อหยุดก็เท่านั้น รวม ๆ แล้ว ผมคิดว่า หูฟังตัวนี้เหมาะมาก ๆ กับเพื่อน ๆ ที่รักเสียงเพลง ฟังเพลงเป็นชีวิตจิตใจ เหมาะกับดนตรีทุก ๆ แนวเลยครับ

ถ้าใครเป็นสายเกมเมอร์ละก็ ต้องถูกใจหูฟังไร้สาย ราคาไม่เกิน 2,000 บาท อย่าง หูฟังเกมมิ่ง RAZER HAMMERHEAD กันแน่ ๆ ครับ (เป็นหูฟัง True Wireless เกมมิ่งตัวแรกของโลกจากแบรนด์ RAZER) โดยปกติหูฟัง True Wireless ทั่ว ๆ ไป อาจจะเกิดการดีเลย์ของเสียงที่ส่งตรงมาถึงเราได้มากบ้างน้อยบ้าง แต่เจ้า Razer ตัวนี้ สามารถลดอาการดีเลย์ได้ดีเอามาก ๆ เสมือนเสียบหูฟังแบบมีสายกันเลยทีเดียว อีกทั้ง “เสียง” ที่ออกมาจากหูฟัง ก็ออกมาอย่างแม่นยำ คม และชัดเจน ซึ่งมีผลอย่างมากกับการเล่นเกมในสมัยใหม่อีกด้วย นอกจากนี้ หูฟังก็สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 16 ชั่วโมง! ทำให้การเล่นเกมของเพื่อน ๆ เพลิดเพลินได้อย่างไม่มีสะดุดเลยครับ

ต้องขอพูดถึงตัวหูฟังกันบ้าง โดยจะมาในรูปทรงก้านแบบ earbud ทำให้ใส่ได้อย่างสบาย ๆ ไม่เจ็บหู และยังทำให้ใส่ได้นาน นานกว่าแบบ in-ear อีกด้วย ส่วนการเชื่อมต่อ ก็ทำได้ดีด้วย bluetooth 5.0 ที่พอหยิบหูฟังออกมาจากเคสแล้ว จะเชื่อมต่อกับมือถือแทบจะทันทีเลยทีเดียว เท่านั้นยังไม่พอ ยังมี ระบบ Gaming Mode ที่จะช่วยลดการดีเลย์ของเสียงในเกมไปอีกขั้น จนเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีอาการดีเลย์ใด ๆ เลยเมื่อเปิดโหมดนี้ ส่วนระบบไมโครโฟน ก็เป็นแบบ Omnidirectional ที่จะช่วยให้การพูดคุยทั่วไปกับในเกมได้อย่างคมชัด และสั่งการได้อย่างชัดเจนอีกด้วย ก็ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนที่เป็นสายเกมมิ่ง และอยากได้หูฟัง True Wireless ดี ๆ ไว้เล่นเกมสักยี่ห้อละก็ ผมขอแนะนำเจ้าหูฟัง RAZER ตัวนี้เลยครับ

สายออกกำลังกายถูกใจกันอย่างแน่นอนกับหูฟังตัวนี้ ‘AFTERSHOKZ OPENMOVE’ ที่เป็นหูฟังออกกำลังกายแบบ Open ear โดยใช้ระบบ ‘BONE CONDUCTION’ ซึ่งจะมีกลไกการทำงานก็คือ การส่งแรงสั่นสะเทือนไปยังกระดูกแก้วหูโดยไม่ผ่านแก้วหู ทำให้เราสามารถได้ยินเสียงเพลงพร้อม ๆ กับเสียงรอบ ๆ ตัวได้ จึงช่วยเพิ่มความปลอดภัย และเหมาะกับคนที่ชอบออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งมาก ๆ รวมทั้งตัวหูฟังก็มีน้ำหนักเบา ทำให้ไม่ปวดหูเหมือนเวลาใส่หูฟังแบบ in-ear และทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดหรือรำคาญใจเวลาเคลื่อนไหวร่างกายอีกด้วย แต่ถ้าหากเพื่อน ๆ อยากลดเสียงรอบข้าง ทางตัวหูฟังก็มีจุกโฟมแถมมาให้ด้วยเพื่อลดเสียงรบกวนให้มีสมาธิที่ดียิ่งขึ้นครับ

ด้วยข้อดีที่เป็นแบบ Open ear นี้เอง จึงไม่มีอาการที่หูฟังหนีบหรือหดอยู่ที่หู จึงช่วยลดอาการปวดหูต่าง ๆ และสามารถใส่ออกกำลังกายได้อย่างยาวนานยิ่งขึ้น อีกทั้งการที่ออกแบบให้น้ำหนักสองข้างสมดุลกัน ก็จะช่วยให้ไม่รู้สึกว่า น้ำหนักของตัวหูฟังเอียงไปข้างใดข้างนึง ทำให้ใช้งานได้อย่างสบาย ๆ ส่วนทางด้านเสียง ก็ต้องบอกว่ายังไม่สุดมากในแง่ของไดนามิก ยังขาดเสียงเบสลึก ๆ แน่น ๆ และเสียงแหลมยังหม่น ๆ ไม่พุ่งมาก ทำให้การฟังเพลงในแง่ของอรรถรสอาจจะขาดหายไปบ้าง แต่รวม ๆแล้ว ฟังก์ชันของหูฟังตัวนี้ ก็ยังเหมาะกับเพื่อน ๆ สายสปอตมากครับ ด้วยระดับเสียงปานกลางที่ให้ความปลอดภัยและความสะดวกสบายเป็นเลิศนั้นเอง

OPPO Enco Free True Wireless Headphone เป็นหูฟัง True wireless ตัวแรกของแบรนด์ Oppo ที่ผมชอบมาก ๆ อย่างนึงเลยคือ ตัวเคส ซึ่งตัวเคสของเขาออกแบบมาได้อย่างสวยงาม พรีเมี่ยม และใช้งานง่ายมาก ๆ รวมถึงจะมีไฟแจ้งสถานะเตือนอยู่ที่ตัวเคสด้วย ส่วนตัวหูฟังก็เป็นทรงก้านแบบ earbud ทำให้ลดอาการปวดหูเวลาใช้งานได้ดี อีกทั้งจะมีไมโครโฟนอยู่ตรงก้านสามารถตัดเสียงรบกวนได้ ซึ่งทำให้เวลาพูดสนทนาเสียงที่ได้จะค่อนข้างคมชัดอีกด้วย และอีกอย่างหนึ่งที่ผมชอบมาก ๆ เลยก็คือ การควบคุมโหมดต่าง ๆ ที่ตัวหูฟังไร้สาย โดยจะมีทั้งการแตะเพื่อเริ่มหรือหยุด หรือว่าจะเป็นการสไลด์ขึ้นลงเพื่อเพิ่มหรือลดเสียง หรือแม้แต่การเชื่อมต่อทันทีเมื่อเปิดเคส หรือเมื่อถอดหูฟังใส่กลับเข้าไปในตัวเคส เพลงก็จะหยุดไปโดยอัตโนมัติ ถือว่า สะดวกมาก ๆ เลยครับ

ส่วนด้านการเชื่อมต่อ ก็ทำได้ดีด้วย bluetooth 5.0 ที่แค่นำหูฟังออกมาจากเคส ก็สามารถจับคู่กับอุปกรณ์ได้อย่างรวดเร็ว และแน่นอนว่า เรื่องคุณภาพเสียงต้องบอกว่าดีเกินตัว ใครจะคิดว่าแบรนด์โทรศัพท์จะทำหูฟังไร้สายได้ดีขนาดนี้ ซึ่งจะให้เสียงในย่านแหลมกับเสียงกลางได้อย่างดีทีเดียว มีความคมชัด เก็บเครื่องดนตรีและเสียงร้องได้ดี แต่ในย่านเสียงเบสยังขาดความนุ่มลึกและมวลของเบสอยู่ ทำให้เพื่อน ๆ ที่ชอบฟังเพลงเน้นเสียงเบสเยอะ ๆ อาจจะยังไม่โดนใจมากเท่าไรนัก แต่ก็มีข้อดีอีกอย่างก็คือ แทบจะไม่มีการดีเลย์ของเสียงเลย สามารถใส่เล่นเกมหรือดูหนังได้อย่างสบายใจ โอกาสเสียงหลุดเสียงหายน้อยมากก ก็ยังไงถ้ากำลังมองหา หูฟังไร้สาย ราคาไม่เกิน 2,000 บาท ละก็ อยากให้ลอง OPPO จริง ๆ ครับ

มาถึงแบรนด์ค่ายยักษ์ใหญ่ของวงการหูฟัง gadget ต่าง ๆ อย่าง ค่าย Sony ที่เรียกได้ว่า เป็นรุ่นพี่ของวงการหูฟังไร้สายเลยก็ว่าได้ โดยทางโซนี่ได้ออกหูฟังมาอย่างมากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้มีตัวเลือกจำนวนมาก แต่ถ้ากำลังมองหา หูฟัง True wireless ราคาไม่เกิน 3,000 บาท ละก็ ต้องขอแนะนำ Sony WF-XB700 ตัวนี้เลยครับ โดยจะเป็นหูฟังในซีรีย์ XB (Extra Bass) ซึ่งชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า XB หูฟังตัวนี้เลยเน้นไปที่ตัว “เบส” โดยจะให้เสียงเบสที่หนักแน่น ลูกใหญ่ ฟังเพลงแนว Pop, EDM สนุกมาก ๆ ส่วนด้านเสียงร้อง ก็ให้เสียงที่อิ่มเอม เพราะเสียงจะอยู่ใกล้กับผู้ฟัง ทำให้ได้เสียงที่มีมวลมาก แต่เสียงแหลมจะแหลมไม่มากนัก เพราะไปเน้นที่ย่านเสียงเบสมากกว่า ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติของเสียงเพลงครับ

ในด้านของการใช้งานและการออกแบบก็ทำออกมาได้อย่างดูดีเลยทีเดียว โดยตัวหูฟังจะมาในรูปแบบ in-ear ใส่เข้าไปในหู ซึ่งขนาดอาจจะดูใหญ่เล็กน้อย แต่ว่าพอได้ลองใส่เข้าไปจริง ๆ แล้ว พบว่าแทบไม่มีอาการกดทับหรือปวดที่หูเลยครับ และตัวหูฟังก็มีน้ำหนักที่เบามาก ๆ ทำให้สวมใส่ได้อย่างสบาย ไม่รู้สึกอึดอัด อีกทั้งยังมีซิลิโคนให้เลือกหลากขนาด ทำให้สามารถปรับให้เข้ากับรูหูของเราได้ด้วย ส่วนการเชื่อมต่อก็ทำได้อย่างรวดเร็วกับ bluetooth 5.0 อีกทั้งยังสามารถกันน้ำได้ถึงระดับ IPX4 ซึ่งสามารถกันละอองน้ำละอองเหงื่อได้ดี ทำให้ใส่ออกกำลังกายได้อีกด้วย เรียกได้ว่า หากเพื่อน ๆ คนไหนกำลังมองหาหูฟังไร้สายที่ครบครัน ทั้งในด้านประสิทธิภาพ, ฟังก์ชันจากแบรนด์ชั้นนำ และเน้นในเรื่องของเสียงเบส ก็สามารถเลือกเจ้าตัว Sony WF-XB700 ไปลองใช้งานกันดูได้ครับ

มากันที่พี่ใหญ่จากทางฝั่งแอปเปิ้ลอย่าง แบรนด์ Beats โดยมาในรุ่น BEATS FLEX ซึ่งเป็นหูฟังแบบ neck band หรือก็คือหูฟังที่เป็นแบบคล้องคอ ที่อาจจะไม่ได้ฮิตมากในช่วงพักหลัง แต่เจ้าตัว BEATS FLEX ตัวนี้ ถือเป็นของดีคุ้มค่าเกินราคากันเลยทีเดียวครับ โดยตัวหูฟังจะเป็นแบบ in-ear สวมใส่สบาย แถมยังมีที่คล้องคอทำให้เราไม่ต้องคอยเก็บเข้าเก็บออกตัวหูฟัง อีกทั้งการดีไซน์สายแบบ flex-form ยังช่วยทำให้เราสวมใส่ได้อย่างสบายตลอดทั้งวันอีกด้วย ส่วนด้านการเชื่อมต่อก็ง่ายเพียงแค่ใช้ bluetooth แต่ที่พิเศษไปกว่านั้นก็คือ ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนใช้อุปกรณ์ apple จะสามารถเชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นไปอีกด้วยเทคโนโลยีชิพ W1 ของทางแอปเปิ้ล และยังมีระบบการเชื่อมต่อหูฟังแบบ Pop up เมื่อตัวอุปกรณ์เราเข้าใกล้ตัวหูฟังครับ

ส่วนในเรื่องของเสียง ต้องบอกว่าหูฟังคล้องคอตัวนี้ ให้เสียงนักร้องที่โดดเด่น เคลียร์ ใส แต่ในเรื่องของเบส ถ้าเทียบกับตัวอื่น ๆ แล้วยังไม่สุดมาก เสียงเบสจะให้เบสกลาง ๆ ไม่นุ่มลึกมาก แต่ก็ยังมีความโดดเด่นโดยที่เสียงเบสยังไม่หายไปทั้งหมด ส่วนเสียงแหลมก็ฟังสบาย ไม่รู้สึกอึดอัด หรือปวดหูเมื่อฟังไปนาน ๆ และถ้าเพื่อน ๆ ชอบฟังเพลงแนว acoustic, Pop, Rock จะเหมาะมาก ๆ ที่จะใช้หูฟังตัวนี้ และอีกหนึ่งฟังก์ชั่นที่น่าสนใจก็คือ เมื่อเราต้องการจะหยุดเพลง ก็แค่นำหูฟังทั้งสองข้างมาแตะกันเพลงก็จะหยุด ไม่ต้องเสียเวลาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหยุดเพลงเลย ก็ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนอยากใช้หูฟังแบบง่าย ๆ พกพาสะดวก ไม่ต้องหยิบเข้าหยิบออก และยังมาพร้อมกับเสียงที่มีคุณภาพ พร้อมราคาไม่เกิน 2,000 บาท ต้องจัด BEATS FLEX! เลยครับ

Jabees Firefly 2 Touch เป็นหูฟัง True wireless สายออกกำลังกายอีกตัวนึงที่โดดเด่นทั้งในเรื่องของฟังก์ชั่นและการกันน้ำ โดยฟังก์ชั่นที่ผมชอบมาก ๆ ก็คือระบบดูดเสียงจากภายนอกเวลาที่เรากำลังใส่หูฟัง ซึ่งจะช่วยให้ตัวของเรานั้นได้ยินเสียงจากภายนอกได้ ทำให้สามารถออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งได้อย่างปลอดภัยได้มากขึ้น และแน่นอนว่า มีระดับการกันน้ำที่ IPX7 ! ซึ่งสามารถกันน้ำและฝุ่นละอองได้เป็นอย่างดี และดีกว่าทุก ๆ ยี่ห้อที่ผ่านมา ในขณะที่ราคาไม่เกิน 2,000 บาท ถือว่าโดดเด่นมาก พร้อมทั้งมีระบบ fast charge ที่ใช้เวลาชาร์จเพียงแค่ 10 นาที ก็สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 2 ชั่วโมง ก็ช่วยให้การใช้งานฟังเพลงต่าง ๆ เป็นไปได้อย่างราบรื่นครับ

ส่วนเรื่องการคุยโทรศัพท์สนทนาก็ดีมาก ๆ เช่นกัน รวมถึงการรับโทรศัพท์ก็ไม่ยากเลย เพียงแค่แตะที่ตัวหูฟังก็สามารถรับแล้วสนทนาได้ทันที ส่วนเรื่องเสียง ต้องบอกว่าออกแบบมาเพื่อเอาใจสายสปอร์ตโดยแท้จริง เพราะมีเสียงเบสที่มีความอิ่ม มาเป็นลูก ส่วนเสียงร้องก็คมชัดไม่อึดอัดทำให้สามารถใส่หูฟังได้นานขึ้น ด้านเสียงแหลมจะไม่แหลมมากเน้นไปทางนุ่มนวลมากกว่า ทำให้รายละเอียดของเสียงอาจจะยังไม่มากเท่าย่านเบส แต่ก็ไม่ถึงกับไม่มีเลยนะครับ ยังอยู่ในระดับที่ดีมาก ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ได้เสียงออกมาที่สมดุลแบบสุด ๆ ถูกใจสายสปอร์ตอย่างแน่นอนครับ

จบกันไปแล้วนะครับสำหรับ หูฟังไร้สายยี่ห้อไหนดี ไม่เกิน 3000 บาท ใครที่กำลังมองหาอยู่ อย่าลืมดูจุดประสงค์ในการใช้งานด้วยนะครับ หูฟังแต่ละรุ่นออกแบบมาตอบโจทย์ไม่เหมือนกัน ใครเน้นเล่นเกมเจ้า Razer Hammer Head อาจจะตอบโจทย์ในเรื่องการดีเลย์ของสัญญาณ แต่ถ้าโจทย์ของเราเน้นใส่ออกกำลังกายมีโอกาสโดนน้ำสูง การเลือก Jabees Firefly 2 Touch ก็ดูน่าสนใจเอามาก ๆ กันน้ำได้สูงสุดเลย หรือถ้าอยากใช้งานหลากหลาย Oppo Enco Free ก็ดูน่าสนใจไม่น้อย เสียงดี ดีเลย์น้อย คนซื้อในออนไลน์เยอะด้วย ยังไงก็ขอให้เลือกได้รุ่นที่ถูกใจ ตอบโจทย์การใช้งานกันนะครับ